วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเล


               





                     แมงกะพรุน

   แมงกะพรุนทั่วโลกมีอยู่  200 ชนิด  เป็นสัตว์มีโพรงในลำตัว  ร่างกายประกอบไปด้วยน้ำส่วนใหญ่ ลักษณะคล้ายก้อนวุ้นเคลื่อนที่ได้  แต่การว่ายน้ำแบบเคลื่อนที่ของแมลงกระพรุนเป็นไปอย่างเชื่อช้าและว่ายไปตามกระแสน้ำสุดแต่คลื่นลมจะพาไป  แมงกะพรุนถูกจัดเป็นแพลงตอนชนิดหนึ่งและนับเป็นแพลงตอนขนาดใหญ่  บางตัวมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 40 เซนติเมตร  การที่แมงกะพรุนดำรงชีวิตเป็นแพลงตอนและล่องลอยไปตามคลื่นลมนี้เอง  ช่วงฤดูร้อนที่มีลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้าสู่ภาคตะวันออกของอ่าวไทย  จึงมีแมงกะพรุนชุกชุมอยู่ตามชายทะเลแถบภาคตะวันออกดังนั้นการเล่นน้ำตามสถานตากอากาศแถบบางแสน  พัทยา  ระยอง  จึงอาจถูกแมงกะพรุนไฟได้  รูปร่างแมงกะพรุนมีลักษณะคล้ายร่ม ทางด้านนอกของร่มเป็นรูปโค้งผิวเรียบ  ด้านใต้มีปากอยู่ตรงกลางและมีส่วนยื่นรอบปากออกไป  แมงกะพรุนทุกชนิดมีพิษพบมากบริเวณหนวดและส่วนยื่นรอบปาก    เมื่อได้รับการกระตุ้นโดยการสัมผัส  เข็มพิษจะถูกปล่อยออกมาคล้ายฉมวกพุ่งแทงเข้าไปที่ผิวหนังของเหยื่อหรือศัตรู  น้ำพิษที่อยู่ภายในกระเปาะอาจทำให้เหยื่อขนาดเล็กสลบและตายได้    ตามปกติแมงกะพรุนเป็นสัตว์กินเนื้อ  อาหารที่กินได้แก่  ปลาและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังขนาดเล็กที่อาศัยตามผิวทะเลโดยแมงกะพรุนใช้เข็มพิษฆ่าเหยื่อ  และรวบจับใส่ปากเข้าไปย่อยภายในท่อทางเดินอาหาร  ส่วนกากอาหารที่ย่อยไม่ได้จะถูกคายทางปาก   แมงกะพรุนส่วนใหญ่มีเพศแยกกันเป็นตัวผู้และตัวเมีย  แต่ต่างจากรูปร่างภายนอกไม่ปรากฏลักษณะที่แตกต่างกันชัดเจน  การผสมพันธุ์เกิดโดยตัวผู้สร้างเสปิร์มส่งออกไปผสมกับไข่ตัวเมีย  หรืออาจเป็นการผสมกันภายนอกลำตัว  ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะเจริญพัฒนาเป็นตัวอ่อน  ดำรงชีวิตเป็นแพลงตอนชั่วคราว  แล้วจากนั้นจะว่ายไปเกาะพื้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นโพลิปสืบพันธ์แบบไม่อาศัยเพศด้วยการแบ่งตัวออกเป็นชั้นๆ  หลุดไปเป็นแมงกะพรุนตัวเล็กๆแล้วเติบโตเป็นตัวเต็มไว้ในเวลาต่อมา  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)






     ฟองน้ำทะเล (Marine sponges)
ฟองน้ำฟองน้ำเป็นสัตว์ทะเลประเภทหนึ่งมีเซลล์จัดเรียงตัวกันอย่างหลวมๆสองชั้น  รูปร่างมีความต่างกันมาก  บางชนิดแผ่คลุมไปบนพื้นหินและซอกปะการัง  บางชนิดเป็นรูปเจกันคล้ายครก    ขนาดของฟองน้ำมีความแตกต่างกัน   บางชนิดเล็กประมาณ  1 เซนติเมตร จนถึงขนาดใหญ่กว่า 1 เซนติเมตร อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่มีพื้นสภาพต่างกัน
ลำตัวของฟองน้ำนั้นมีรูฟุนขนาดเล็กจำนวนมาก  เป็นช่องให้น้ำไหลเข้าไปในโพรงลำตัวและบุไว้ด้วยกลุ่มเซลล์ที่ทำหน้าที่กินอาหารโดยใช้แส่จับ   ฟองน้ำมีลักษณะอ่อนนุ่ม  ยืดหยุ่นได้  ภายในลำตัวมีโครงค้ำจุนให้คงรูปร่างอยู่ได้ฟองน้ำอาศัยอยู่รวมกันเป็นโคโลนีเป็นผลแบบการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยวิธีการแตกหน่อ  แล้วหน่อยังคงติดอยู่กับตัวเดิม  ทำให้มีสมาชิกหลายตัวอยู่ติดกันแผ่ขยายคลุมพื้นที่กว้างออกไปเรื่อยๆ  ฟองน้ำกินอาหารโดยอาศัยระบบท่อน้ำที่ไหลผ่านเข้าไปในโพรงลำตัวและมีเซลล์จับเหยื่อโดยใช้แส่  อาหารที่ปนมากับน้ำได้แก่  สาหร่าย  ไดอะตอม  โปโตซัว  แบคทีเรีย
ฟองน้ำเป็นสัตว์กลุ่มเดียวที่ไม่มีเซลล์ประสาท ไม่มีอวัยวะหรือโครงสร้างในการรับความรู้สึก การมองเห็น การรับรสกลิ่นเสียง   ทั้งยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อสิ่งกระตุ้นเลย เว้นแต่บริเวณช่องน้ำออกเท่านั้นที่นักชีววิทยาพบว่ามีการหดและขยายบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณอาหารและน้ำที่ไหลผ่านระบบท่อน้ำ  สัตว์ทะเลหลายชนิดอาศัยอยู่กับฟองน้ำ  เช่น กุ้ง  ปู  ไส้เดือนทะเล  ดาวเปราะ  ปลิงทะเล  และจะเก็บกินเศษอาหารที่ติดอยู่ตามผิวลำตัวของฟองน้ำ เพราะฟองน้ำมีเศษอินทรีย์และจุลินทรีติดอยู่ที่ผิวด้านนอก  นอกจากนี้ปูบางชนิดยังชอบเก็บฟองน้ำไปแบกไว้บนหลังเพื่อใช้เป็นเกาะคุ้มกันทางด้านหลัง และเมื่อฟองน้ำเจริญต่อไป  ก็อาจคลุมตัวปูจนมองไม่เห็นตัวปูจากทางด้านบน
ส่วนสัตว์ที่นิยมกินฟองน้ำเป็นอาหารก็คือทากทะเล  ซึ่งฟองน้ำนี้ส่วนมากแล้วไม่มีสัตว์ชนิดใดที่นิยมกินมันเพราะว่าฟองน้ำมีหนามหรือเส้นใยเยอะอีกทั้งยังทีรสชาติที่ไม่น่ากิน อายุของฟองน้ำแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป  บางชนิดมีอายุพียงฤดูกาลเดียว  บางชนิดอยู่ได้หลายปี
ฟองน้ำส่วนใหญ่ส่วนใหญ่สืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยการแตกหน่อ นอกจากนี้ฟองน้ำยังสามารถสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ  โดยฟองน้ำแต่ละตัวสร้างเซลล์สืบพันธ์ทั้งเพศผู้และเพศเมีย  อยู่ภายในตัวเดียวกันแต่เซลล์สืบพันธุ์ทั้งสองเพศ  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

            ทากทะเล
ทากทะเลเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังจำพวกหอยกาบเดียวมีรูปร่างลีสันที่แปลกตา   จึงได้รับสมญานามว่า ราชินีแห่งท้องทะเล   ทากทะเลอาศัยอยู่ตามแนวปะการังที่มีฟองน้ำหรือสาหร่ายทะเลชุกชุม  เพราะฟองน้ำเป็นอาหารที่ทากชอบกิน ทากชอบกินอาหารที่มีรสและกลิ่นที่ไม่ค่อยเหมือนสัตว์อื่น  ทากทะเลสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศบางชนิดมีทั้งเพศเดียวกันในตัวเดียวกัน  บางชนิดแยกเพศ  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

4.             พะยูน
พะยูนหรือเงือกเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม    มีลำตัวอ้วนกลมผิวเรียบสีเทาหือเทาดำ  หัวมนไม่มีใบหูปากกว้าง   มีประสาทเกี่ยวกับการรับฟังได้ดี  ใต้ครีบหูมีเต้านมสองเต้า  ครีบหางแบนขนานกับพื้น  อาหารหลักของพะยูนคือ  หญ้าทะเลและสาหร่ายทะเล  ที่ขึ้นอยู่ริมชายฝั่งทะเลที่เป็นดินทรายปนโคลนออกหากินในเวลากลางวันและกลางคืน     ส่วนมากพะยูนจะอาศัยอยู่ในบริเวณแหล่งที่มีหญ้าทะเล  พะยูนออกลูกครั้งละ 1 ตัว  พะยูนนั้นมีอยู่สองประเภทใหญ่ๆ  คือดูกอง  เป็นพะยูนพันธุ์ที่พบในทะเลเขตร้อน  และมานาที  พบแพร่กระจายอยู่บริเวณชายฝั่งและแม่น้ำของทวีปอัฟริกาตะวันตก 1 ชนิด  และอีก 2 ชนิดพบทางตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ  อเมริกาใต้และทะเลคาริเบียน  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ,2518)

ม้าน้ำ
ม้าน้ำเป็นปลากระดูกแข็ง  มีรูปร่างและพฤติกรรมการผสมพันธุ์ที่แปลกกว่าสัตว์ชนิดอื่น    ม้าน้ำตัวผู้และตัวเมียมีลักษณะต่างกันคือ   ตัวผู้มีถุงหน้าท้องไว้ฟักไข่จนกระทั่งกลายเป็นตัว  ทำหน้าที่คลอดลูกแทนม้าน้ำตัวเมีย   ม้าน้ำจะชอบอาศัยอยู่ตามเสาโป๊ะ  โพงพาง  หรือหลาบอยู่ตามสาหร่ายทะเลที่ระดับน้ำไม่ลึกมาก   คอยจับสัตว์เล็กๆกินเป็นอาหาร  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

ฉลาม
ฉลาม  เป็นปลากระดูกอ่อนจำพวกหนึ่ง มีรูปร่างโดยรวมเพรียวยาว มีซี่กรองเหงือก 5 ซี่ ครีบทุกครีบแหลมคม ครีบหางเป็นแฉกเว้าลึก มีจุดเด่นคือ ส่วนหัวและจะงอยปากแหลมยาว ปากเว้าคล้ายพระจันทร์เสี้ยวภายในมีฟันแหลมคม  ฉลามแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ ฉลามหน้าดินและฉลามกลางน้ำ  ฉลามหน้าดินมักเป็นฉลามที่เชื่องช้า  ชอบหากินอยู่ตามพื้นทะเล  ฉลามหน้าดินจะไม่ดุร้าย   สัตว์ไม่กระดูกสั้นหลังเป็นอาหาร และออกลูกเป็นไข่    ส่วนฉลามกลางน้ำเป็นฉลามที่ว่ายน้ำอยู่ตลอด และมักดุร้าย ไล่ล่าปลาชนิดอื่นเป็นอาหาร และออกลูกเป็นตัว ฉลามเป็นปลาที่ว่องไวปราดเปรียว  บางชนิดว่ายน้ำได้เร็วมาก  ฉลามมีอวัยวะรับความรู้สึกอยู่สามแห่งคือ   อวัยวะรับความรู้สึกทางกลิ่น อวัยวะรับสัมผัสทางการมองเห็น และสามคือการอาศัยเส้นข้างลำตัวทำหน้าที่รับความรู้สึกเกี่ยวกับแรงสั้นสะเทือนของคลื่นใต้น้ำในระยะไกล  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

ปูแต่งตัว
ปูแมลงมุมมีขาเดิน บอบบางและไม่แข็งแรง  ต้องปรับตัวเพื่อการอยู่รอดด้วยการพรางตัวเลียนแบบธรรมชาติ  โดยนำเอาเศษวัสดุจากธรรมชาติมาติดไว้ตามลำตัวเพื่อเป็นกระดอง  ก้ามหรือขาเดิน จึงเรียกปูแมงมุมอีกชื่อหนึ่งว่าปูแต่งตัว  ปูแต่งตัวส่วนใหญ่อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่มีสาหร่ายหรือแนวปะการังเป็นที่หลบซ่อน  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

 เต่าทะเล
เต่าทะเลเป็นสัตว์เลื้อยคลานที่อยู่มานาน  เต่าทะเลมีการปรับตัวหลายอย่างที่แตกต่างไปจากเต่าบนบก  เต่าทะเลไม่มีฟันซี่มีแต่ขากรรไกร  ใช้ขบกัดสัตว์มีเปลือกให้แตกเพื่อกินเป็นอาหาร  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

 ปลานกแก้ว
ปลานกแก้วเป็นปลาที่มีลักษณะที่คล้ายกับนกแก้ว  มีลำตัวที่สั้นและแบนทางด้านข้าง  หัวค่อนข้างใหญ่  ตาเล็ก  ขากรรไกรบนของปากคล้ายนกแก้ว  มักอาศัยอยู่ตามแนวปะการังหรือเกาะแก่งรอบๆเกาะต่างๆที่น้ำใส  มักอาศัยอยู่โดดเดี่ยวหรือรวมกันเป็นฝูงขนาดย่อม  หาอาหารกินในเวลากลางวันส่วนในเวลากลางคืนจะหลบซ่อนตัวอยู่ตามซอกปะการัง  โดยปล่อยเมือกออกมาหุ้มลำตัวหรือปิดกั้นปากโพรงซอกหินเพื่อป้องกันตัว โดยจะโผล่ส่วนหัวออกมาเพื่อหายใจเพียงเล็กน้อย  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

ปูเสฉวน

ปูเสฉวนเป็นสัตว์ที่มีลักษณะก้ำกึ่งระหว่างปูกับกุ้ง  กระดองของปูเสฉวนนั้นจะมีความยาวมากกว่าความกว้าง  ก้ามสองข้างไม่เท่ากัน ปูเสฉวนจะอาศัยอยู่ในเปลือกหอยขนาดที่พอเหมาะกับลำตัวได้แค่ชั่วเวลาหนึ่งเพราะลำตัวมันเติบโตขึ้น  เมื่อตัวโตขึ้นก็ต้องเปลี่ยนเปลือกหอย ต้องหาเปลือกหอยหรือที่อยู่ใหม่  ปูเสฉวนเป็นสัตว์กินเนื้อหรือเศษอินทรีย์ตามพื้นทะเลที่อาศัยอยู่  แต่มันก็อาจตกเป็นเหยื่อของผู้ล่ารายอื่นในทะเลได้เช่นกัน  (สุรินทร์ มัจฉาชีพ2518)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น